Share:
หมวดหมู่: ข่าวสาร
การค้ามนุษย์ถือเป็นอาชญากรรมข้ามชาติที่ร้ายแรงที่สุดในปัจจุบัน ด้วยมูลค่าตลาดโลกที่ประเมินไว้กว่า 150,000 ล้านดอลลาร์สหรัฐต่อปี และส่งผลกระทบต่อผู้คนมากกว่า 50 ล้านคนทั่วโลก สำนักงานว่าด้วยยาเสพติดและอาชญากรรมแห่งสหประชาชาติ (UNODC) ได้จำแนกการค้ามนุษย์ออกเป็นสามองค์ประกอบสำคัญที่ต้องครบถ้วนจึงจะถือว่าเป็นอาชญากรรมประเภทนี้
องค์ประกอบแรกคือ “การกระทำ” 👉 ซึ่งประกอบด้วยกระบวนการคัดเลือก จัดหา ขนส่ง โอน และรับบุคคล การกระทำเหล่านี้มักเริ่มต้นจากการเข้าถึงกลุ่มเปราะบางในสังคม โดยใช้คำสัญญาเกี่ยวกับโอกาสในการทำงาน การศึกษา หรือชีวิตความเป็นอยู่ที่ดีขึ้น กระบวนการเคลื่อนย้ายที่ตามมาไม่เพียงเป็นการเปลี่ยนแปลงทางภูมิศาสตร์ แต่ยังเป็นการถ่ายโอนอำนาจควบคุมจากเหยื่อไปสู่ผู้กระทำผิด
องค์ประกอบที่สองคือ “วิธีการ” 👉 ซึ่งเป็นเครื่องมือที่ผู้ค้ามนุษย์ใช้ในการควบคุมเหยื่อ วิธีการเหล่านี้แบ่งออกเป็นสามประเภทหลัก ได้แก่ การใช้ความรุนแรงทางกายและการข่มขู่ การบงการทางจิตวิทยาผ่านการสร้างความรู้สึกผิด การแยกจากสังคม และการควบคุมข้อมูล และการควบคุมทางกฎหมายโดยการยึดเอกสารประจำตัว การสร้างภาระหนี้สิน และการใช้สถานะทางกฎหมายที่ไม่ชัดเจนเป็นเครื่องมือข่มขู่
องค์ประกอบสุดท้ายคือ “วัตถุประสงค์” 👉 ซึ่งหมายถึงการแสวงหาประโยชน์จากเหยื่อในรูปแบบต่างๆ การแสวงหาประโยชน์ทางเพศในอุตสาหกรรมค้าประเวณีเป็นรูปแบบที่เป็นที่รู้จักมากที่สุด แต่การแสวงหาประโยชน์จากแรงงานในภาคอุตสาหกรรม เกษตรกรรม และการบริการมีสัดส่วนที่สูงเช่นกัน รูปแบบอื่นๆ ที่พบได้แก่ การบังคับแต่งงาน การใช้เด็กในกิจกรรมทางทหารหรืออาชญากรรม และการค้าอวัยวะ
การทำความเข้าใจองค์ประกอบทั้งสามนี้มีความสำคัญต่อการพัฒนายุทธศาสตร์การป้องกันและปราบปรามที่มีประสิทธิภาพ ความรู้ดังกล่าวช่วยให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องสามารถระบุรูปแบบการดำเนินงานของเครือข่ายอาชญากรรม พัฒนาเครื่องมือการสืบสวนสอบสวนที่เหมาะสม และออกแบบมาตรการช่วยเหลือและฟื้นฟูเหยื่ออย่างครอบคลุม
ในบริบทของประเทศไทย การค้ามนุษย์เป็นทั้งปัญหาภายในประเทศและปัญหาข้ามชาติ โดยประเทศไทยมีบทบาทเป็นทั้งประเทศต้นทาง ประเทศปลายทาง และประเทศผ่านทาง การประยุกต์ใช้กรอบการวิเคราะห์สามองค์ประกอบนี้จึงมีความจำเป็นในการกำหนดนโยบายและมาตรการที่เป็นระบบและยั่งยืน
การต่อสู้กับการค้ามนุษย์อย่างมีประสิทธิผลต้องอาศัยความร่วมมือระหว่างหน่วยงานรัฐ ภาคเอกชน องค์กรสังคมพลเมือง และชุมชนท้องถิ่น การสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับลักษณะและรูปแบบของอาชญากรรมนี้เป็นรากฐานสำคัญในการป้องกันและลดความเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อ ขณะเดียวกันการพัฒนาศักยภาพของเจ้าหน้าที่ในการระบุและจัดการกับกรณีการค้ามนุษย์ก็เป็นสิ่งจำเป็นเช่นกัน
การค้ามนุษย์ไม่เพียงเป็นปัญหาด้านความมั่นคงเท่านั้น แต่ยังเป็นการละเมิดสิทธิมนุษยชนขั้นพื้นฐานที่ทุกสังคมมีหน้าที่ต้องยืนหยัดต่อต้าน การทำความเข้าใจองค์ประกอบหลักของอาชญากรรมนี้เป็นก้าวแรกที่สำคัญในการสร้างสังคมที่ปลอดภัยและเคารพในศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์สำหรับทุกคน
อย่าลืม..กดติดตามช่อง FreeGen บน YouTube, Facebook, IG, X(Twitter) และ TikTok แชร์ต่อ เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่อาจช่วยปกป้องคนที่คุณห่วงใยได้ และร่วมสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากปัญหาการค้ามนุษย์
#FreeGen #การค้ามนุษย์ #ภัยออนไลน์ #humantrafficking #stoptrafficking

เทคนิคเด็ด ซื้อ-ขายออนไลน์ ไม่ให้โดนหลอก ไม่ตกเป็นเหยื่อค้ามนุษย์
ผู้ซื้อ – ตรวจสอบโปรไฟล์ร้านค้า -เช็คความเคลื่อนไหวของเพจ -อ่านรีวิวดูคอมเมนท์ – อย่าหลงเชื่อของราคาถูกเกินจริง
ผู้ขาย -ตรวจสอบตัวตนของผู้ซื้อ -ใช้ช่องทางที่ยืนยันตัวตนได้ -เช็คยอดเงินเข้าให้ชัวร์ -ระบุเงื่อนไขชัดเจนทุกครั้ง
พบเห็นเบาะแสหรือต้องการความช่วยเหลือ : แจ้งได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ยะลา โทร.073-203509 หรือ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมง
ด้วยความปรารถนาดีจาก : กองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์

ป้องกันตนเองจากการตกเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์
1.อย่าหลงเชื่อข้อเสนอที่ดูดีเกินไป
2.ตรวจสอบข้อมูลให้ชัดเจน
3.รู้สิทธิของตนเอง
4.เดินทางอย่างปลอดภัย
5.ระวังข้อมูลส่วนตัวบนโซเชี่ยล
6. รู้ทันสัญญาณอันตราย
7.ขอความช่วยเหลือทันทีหากสงสัย
8.หาความรู้ไว้ป้องกันตนเอง
9.สร้างเครือข่ายความปลอดภัย
พบเห็นเบาะแสหรือต้องการความช่วยเหลือ : แจ้งได้ที่ สำนักงานพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ จ.ยะลา โทร.073-203509
หรือ ศูนย์ช่วยเหลือสังคม สายด่วน 1300 ตลอด 24 ชั่วโมงด้วยความปรารถนาดีจาก : กองทุนเพื่อการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ กระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่งคงของมนุษย์




เวลา 08.00 – 17.00 น. นางสาวพรนภา สำรีราษฎร์ ผู้อำนวยการสถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ จังหวัดเชียงราย และ นางสาวมยุเรศ หัวนา หัวหน้ากลุ่มคุ้มครองสวัสดิภาพ เข้าร่วมการประชุมทวิภาคี ไทย – เมียนมา ครั้งที่ 32 ด้านการบริหารจัดการรายกรณี การส่งกลับและคืนสู่สังคมผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (The 32nd Case Management Meeting: CMM) ระหว่างวันที่ 14 – 15 สิงหาคม 2568 ณ โรงแรมเดอะ เบอร์เคลีย์ ประตูน้ำ กรุงเทพมหานคร โดยมี นางจตุพร โรจนพานิช รองปลัดกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ ปฎิบัติหน้าที่หัวหน้าคณะฝ่ายไทย และ Dr. Min Thien อธิบดีกรมฟื้นฟูเยียวยา กระทรวงสวัสดิการสังคมการบรรเทาทุกข์ และการตั้งถิ่นฐานใหม่ เป็นหัวหน้าคณะฝ่ายเมียนมา การประชุมครั้งนี้ มีวัตถุประสงค์เพื่อให้ผู้ปฏิบัติงานด้านการให้การคุ้มครองช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ทั้งสองประเทศ ได้รายงานผลการดำเนินงานการช่วยเหลือผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ และกำหนดข้อตกลงการดำเนินงานร่วมกัน (Action Point) เพื่อเป็นแนวทางในการดำเนินงานระหว่างประเทศ











แพลตฟอร์มดิจิทัลได้เปลี่ยนแปลงวิธีการของผู้ค้ามนุษย์อย่างสิ้นเชิง จากการที่ต้องออกหาเหยื่อด้วยตนเองในอดีต กลายเป็นการเข้าถึงเป้าหมายทั่วโลกจากที่ใดก็ได้
ข้อได้เปรียบของโซเชียลมีเดียสำหรับผู้กระทำผิด คือ ต้นทุนที่ลดลงอย่างมาก ไม่ต้องใช้นายหน้าหรือเครือข่ายในพื้นที่ แค่มีอุปกรณ์และอินเทอร์เน็ตก็สามารถดำเนินการได้
การเข้าถึงข้อมูลส่วนตัวที่ผู้ใช้เผยแพร่เอง ทำให้ทราบจุดอ่อนและความต้องการของเป้าหมาย เช่น ปัญหาทางการเงิน ความต้องการหางาน หรือความเหงา
ความสามารถในการปกปิดตัวตน ใช้ข้อมูลปลอม หลายบัญชี และเครื่องมือซ่อนตำแหน่ง ทำให้การติดตามและจับกุมเป็นเรื่องยาก
ปริมาณการสื่อสารมหาศาลทำให้การตรวจสอบของเจ้าหน้าที่เป็นไปอย่างยากลำบาก อาชญากรรมจึงสามารถซ่อนตัวในกองข้อมูลขนาดใหญ่
การเข้าถึงเป้าหมายได้ไม่จำกัด ไม่มีข้อจำกัดทางภูมิศาสตร์ สามารถติดต่อผู้คนจากทุกประเทศในเวลาเดียวกัน
การป้องกันเลยต้องปรับเปลี่ยนจากการสร้างความตระหนักรู้ในชุมชนท้องถิ่น ไปสู่การส่งเสริมความรู้เท่าทันสื่อดิจิทัลและการเฝ้าระวังภัยออนไลน์
แนวทางรับมือ การตั้งค่าความเป็นส่วนตัวอย่างเหมาะสม การไม่เผยแพร่ข้อมูลส่วนตัวที่อ่อนไหว การรายงานกิจกรรมที่น่าสงสัย และการให้ความรู้แก่คนรอบข้าง
โซเชียลมีเดียเป็นเครื่องมือที่มีประโยชน์ แต่ต้องใช้อย่างระมัดระวังและมีความรู้เท่าทันภัยที่อาจเกิดขึ้น
#FreeGen #การค้ามนุษย์ #ภัยออนไลน์ #ปกป้องตัวเอง #กฎหมายไทย #humantrafficking #stoptrafficking
#ความปลอดภัยดิจิทัล #โซเชียลมีเดีย #ป้องกันการค้ามนุษย์

สำนักงานสหประชาชาติด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) เปิดเผยรายงานสะเทือนใจ เด็กถูกค้า 1 ใน 3 ของเหยื่อทั้งหมด ขณะที่อินเทอร์เน็ตกลายเป็นเครื่องมือใหม่ของขบวนการอาชญากรรม
เวียนนา, ออสเตรีย – สำนักงานสหประชาชาติด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) เผยข้อมูลเตือนภัยว่า ในช่วง 15 ปีที่ผ่านมา สัดส่วนของเด็กในกลุ่มเหยื่อการค้ามนุษย์ที่ตรวจพบเพิ่มขึ้นสามเท่า โดยปัจจุบันเด็กคิดเป็นประมาณหนึ่งในสามของเหยื่อการค้ามนุษย์ทั้งหมด
เกือบ 20,000 เด็กตกเป็นเหยื่อในปีเดียว
ข้อมูลล่าสุดปี 2020 พบว่ามีเด็กเกือบ 20,000 คนทั่วโลกถูกระบุว่าเป็นเหยื่อการค้ามนุษย์ แต่ UNODC เตือนว่าตัวเลขจริงอาจสูงขึ้นอย่างมากเนื่องจากความยากลำบากในการตรวจจับและรายงานคคดีเหล่านี้
การค้าเด็กถือเป็นอาชญากรรมร้ายแรงและการละเมิดสิทธิมนุษยชนอย่างรุนแรง โดยไม่คำนึงถึงว่าเด็กจะแสดงท่าทีที่ดูเหมือน “ยินยอม” หรือไม่ โดยเฉพาะเมื่อมีการใช้กำลัง การหลอกลวง การบีบบังคับ หรือการใช้อำนาจในทางที่ผิด
เด็กหญิงเสี่ยงค้าประเวณี เด็กชายถูกบังคับใช้แรงงาน
รายงานชี้ให้เห็นรูปแบบที่ชัดเจนว่า เด็กหญิงส่วนใหญ่ถูกค้าเพื่อการแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ขณะที่เด็กชายมักถูกค้าเพื่อการบังคับใช้แรงงาน
ที่น่าวิตกยิ่งขึ้นคือ บางครั้งเหยื่ออาจถูกแสวงหาประโยชน์หลายรูปแบบพร้อมกัน เช่น เด็กที่ถูกบังคับให้ขอทานบนถนนอาจถูกทำร้ายทางเพศในเวลากลางคืนด้วย
ภาพรวมโลก: แอฟริกาเหยื่อมากสุด เอเชียใต้แต่งงานวัยเด็ก
การค้าเด็กเกิดขึ้นทั่วโลกแต่มีลักษณะแตกต่างกันตามภูมิภาค ในแอฟริกาเหนือและแอฟริกาใต้สะฮารา เด็กคิดเป็นส่วนใหญ่ของเหยื่อการค้ามนุษย์ โดยการบังคับใช้แรงงานพบได้บ่อยที่สุดในแอฟริกาใต้สะฮารา
ในอเมริกากลางและแคริบเบียน เหยื่อส่วนใหญ่เป็นเด็กหญิงวัยรุ่นที่ถูกค้าเพื่อแสวงหาประโยชน์ทางเพศ ส่วนในเอเชียใต้ เกือบครึ่งหนึ่งของเหยื่อเป็นเด็กที่ถูกแสวงหาประโยชน์ด้านแรงงานหรือถูกบังคับแต่งงาน
ความยากจน-เทคโนโลยี ปัจจัยเสี่ยงคู่ใหม่
UNODC ระบุว่า การค้าเด็กเจริญเติบโตในสภาพแวดล้อมที่มีปัญหาครอบครัว ขาดการดูแลจากผู้ปกครอง ความยากจน ความไม่เท่าเทียม และการคุ้มครองเด็กที่ไม่เพียงพอ ผู้ค้ามนุษย์มักเล็งไปที่เด็กจากครัวเรือนที่ยากจนมากหรือถูกทอดทิ้ง
สิ่งที่น่าเป็นห่วงในยุคดิจิทัลคือ ผู้ค้ามนุษย์ปัจจุบันใช้แพลตฟอร์มออนไลน์ โซเชียลมีเดีย และดาร์กเว็บเพื่อเข้าถึง แสวงหาประโยชน์ และควบคุมเด็ก โดยใช้เทคโนโลยีสมัยใหม่เพื่อหลบเลี่ยงการตรวจจับ
ผู้เชี่ยวชาญเตือนว่า การที่เด็กใช้อินเทอร์เน็ตและโซเชียลมีเดียโดยไม่มีการกำกับดูแลที่เหมาะสม ยิ่งทำให้พวกเขาเสี่ยงต่อการตกเป็นเหยื่อมากขึ้น
ผลกระทบรุนแรงกว่าผู้ใหญ่ 2 เท่า
ผลกระทบจากการค้าเด็กมีความรุนแรงและยาวนาน อาชญากรรมนี้ส่งผลกระทบที่รุนแรงต่อพัฒนาการทางกายภาพ สติปัญญา และสังคม-อารมณ์ของเด็ก เหยื่อมักประสบปัญหาสุขภาพตลอดชีวิต ภาวะบาดแผลทางจิตใจรุนแรง ความวิตกกังวล ภาวะซึมเศร้า และปัญหาในการปรับตัวเข้าสังคม
ที่น่าตกใจคือ เด็กมีความเสี่ยงที่จะได้รับความรุนแรงอย่างรุนแรงจากผู้ค้ามนุษย์เกือบสองเท่าเมื่อเทียบกับเหยื่อผู้ใหญ่ โดยเด็กหญิงมีอัตราเสี่ยงที่สูงกว่า
ไม่เพียงทำลายเด็ก แต่ทำลายสังคม
การค้าเด็กไม่เพียงทำลายชีวิตของเหยื่อเท่านั้น แต่ยังบ่อนทำลายโครงสร้างสังคมที่ดีและทำให้วงจรของความยากจนและการแสวงหาประโยชน์คงอยู่ มันทำลายวัยเด็ก ขัดขวางการศึกษา และเป็นอุปสรรคต่อการพัฒนาชุมชน
เป้าหมาย 2025: ยุติการค้าเด็กให้ได้
UNODC ไม่ได้นิ่งดูดาย องค์กรดำเนินการสร้างความตระหนักรู้เกี่ยวกับปัญหาระดับโลกนี้และเร่งรัดการดำเนินการเพื่อยุติการค้าเด็ก ผ่านการวิจัย การให้การสนับสนุนทางเทคนิคแก่รัฐต่างๆ และการประสานงานระหว่างหน่วยงาน
กลุ่มประสานงานระหว่างหน่วยงานต่อต้านการค้ามนุษย์ (ICAT) ซึ่งประกอบด้วยองค์การระหว่างประเทศสำคัญๆ ได้เรียกร้องให้มีการเร่งรัดดำเนินการป้องกันและยุติการค้าเด็กภายในปี 2025
“การแก้ไขปัญหาการค้าเด็กมีความสำคัญอย่างยิ่งต่อการบรรลุเสถียรภาพทางสังคมและเศรษฐกิจในวงกว้าง” โฆษกขององค์กรกล่าวสรุป พร้อมเรียกร้องความร่วมมือจากทุกภาคส่วนในการต่อสู้กับอาชญากรรมที่ทำลายอนาคตของเด็กๆ ทั่วโลก
ข้อมูลจาก: สำนักงานสหประชาชาติด้านยาเสพติดและอาชญากรรม (UNODC) รายงานการค้าเด็กระดับโลก กรกฎาคม 2024
อย่าลืม..กดติดตามช่อง FreeGen บน YouTube, Facebook, IG, X(Twitter) และ TikTok แชร์ต่อ เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่อาจช่วยปกป้องคนที่คุณห่วงใยได้ และร่วมสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากปัญหาการค้ามนุษย์
#FreeGen #การค้ามนุษย์ #ภัยออนไลน์ #ปกป้องตัวเอง #กฎหมายไทย #humantrafficking #stoptrafficking

‘ประเทศไทยได้ก้าวไปอีกขั้นในการต่อต้านการค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน ด้วยการประกาศใช้ “กลไกการส่งต่อระดับชาติ” (National Referral Mechanism – NRM) อย่างเป็นทางการ กลไกนี้เป็นกรอบความร่วมมือระหว่างภาคส่วนต่าง ๆ เพื่อช่วย เหลือ คุ้มครอง คัดกรอง คัดแยก และส่งต่อผู้เสียหายจากสถานการณ์การค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน โดยได้รับการอนุมัติจากคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์แห่งชาติเมื่อเดือนมีนาคม พ.ศ. 2565 NRM ได้รับการพัฒนาขึ้นบนพื้นฐานของกรอบการปฏิบัติงานเพื่อ
NRM กลไกเพื่อทุกคนที่ตกเป็นเหยื่อ กลไกการส่งต่อระดับชาติ (NRM) ใช้สำหรับ บุคคลที่มีเหตุอันควรเชื่อได้ว่าจะเป็นผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ ผู้เสียหายจากการบังคับใช้แรงงานหรือบริการ ซึ่งรวมถึงผู้ใหญ่และเด็ก ทั้งคนไทยและคนต่างชาติ การทำงานของกลไกนี้ยึดมั่นในหลักการสำคัญเพื่อปกป้องผู้เสียหายอย่างรอบด้าน เคารพศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ ของผู้เสียหาย
ผู้เสียหาย ไม่ถูกเลือกปฏิบัติ จากเจ้าหน้าที่
การปฏิบัติงานมี ผู้เสียหายเป็นศูนย์กลาง และยึดประโยชน์สูงสุดของผู้เสียหายเป็นสำคัญ
การคุ้มครองและช่วยเหลือ คำนึงถึงบาดแผลทางจิตใจ ของผู้เสียหาย และไม่กระทำซ้ำ
ให้ความสำคัญกับ ความละเอียดอ่อนทางเพศ
รักษาความลับ ของผู้เสียหาย
4 ขั้นตอนสำคัญในการช่วยเหลือและคุ้มครอง กลไก NRM ประกอบด้วย 4 ขั้นตอนหลักที่ทำงานร่วมกันอย่างเป็นระบบ สิ่งสำคัญคือ ในทุกขั้นตอน เจ้าหน้าที่ผู้ปฏิบัติงาน ต้องได้รับความยินยอมจากผู้เสียหายเสียก่อน และจัดให้ผู้เสียหายมีระยะเวลาฟื้นฟูไตร่ตรองเพื่อทบทวนเรื่องราว รวมถึงการมีส่วนร่วมในกระบวนการคัดแยกและคุ้มครอง
ขั้นตอนการรับแจ้ง: หน่วยงานรับแจ้งเหตุไม่ว่าจะเป็นภาครัฐหรือภาคประชาสังคม สามารถรับแจ้งเหตุที่น่าสงสัยว่าจะเป็นการค้ามนุษย์หรือการบังคับใช้แรงงานได้ หน่วยงานเหล่านี้มีหน้าที่รวบรวมข้อมูลเบื้องต้นและส่งต่อข้อมูลให้หน่วยงานด่านหน้าเพื่อดำเนินการคัดกรอง หรือพิจารณาคัดกรองเองหากเป็นหน่วยงานด่านหน้าอยู่แล้ว
ขั้นตอนการคัดกรอง: มีวัตถุประสงค์เพื่อสืบหาข้อมูลและตัวชี้วัดเบื้องต้นเกี่ยวกับสถานการณ์การค้ามนุษย์และการบังคับใช้แรงงาน เพื่อนำไปประกอบการพิจารณาสถานะของบุคคลที่ได้รับส่งต่อมา ในขั้นตอนนี้ ควรมีอย่างน้อย 1 หน่วยงานที่มีภารกิจเกี่ยวข้องเข้าร่วม เช่น เจ้าหน้าที่ตรวจคนเข้าเมืองสำหรับกรณีผู้อพยพย้ายถิ่น หรือ สร.ช. สำหรับผู้ประสบเหตุทางทะเล หากหน่วยงานด่านหน้าเชื่อว่าบุคคลนั้นน่าจะเป็นผู้เสียหาย จะส่งต่อรายงานสถานการณ์เพื่อการคัดแยกและพิจารณาสถานะผู้เสียหายต่อไป
ขั้นตอนการคัดแยก: เป็นการคัดแยกและพิจารณาสถานะผู้เสียหายอย่างเป็นทางการ โดยหน่วยงานผู้มีหน้าที่ในการคัดแยกในทีมสหวิชาชีพ การพิจารณาขึ้นอยู่กับข้อมูลที่ได้รับจากการสัมภาษณ์และข้อมูลอื่น ๆ ที่ได้รับมาในช่วง ระยะเวลาฟื้นฟูไตร่ตรอง 15 วัน ซึ่งสามารถขยายออกไปได้เป็นรายกรณี กระบวนการนี้สามารถดำเนินการได้ทั้งในศูนย์บูรณาการการคัดแยกผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (โดยเฉพาะกรณีชาวต่างชาติที่ไม่มีสิทธิ์อยู่ในประเทศ) หรือในสำนักงานของหน่วยงานผู้มีหน้าที่คัดแยก โดยมีกระทรวงการพัฒนาสังคมและความมั่นคงของมนุษย์ (พม.) และกระทรวงแรงงาน (รง.) ปฏิบัติงานร่วมกัน
ขั้นตอนการคุ้มครอง: ขั้นตอนสุดท้ายนี้จะมุ่งเน้นไปที่การให้ความคุ้มครองแก่บุคคลที่ได้รับการพิจารณาคัดแยกแล้วว่าเป็นผู้เสียหาย กระทรวง พม. จะเป็นหน่วยงานหลัก ในการจัดให้มีความคุ้มครองที่เหมาะสมกับความต้องการและความยินยอมของผู้เสียหายแต่ละคน เช่น การจัดหาสถานคุ้มครอง การให้บริการบำบัดฟื้นฟูเยียวยา การให้ความช่วยเหลือทางกฎหมาย การส่งกลับ และการกลับคืนสู่สังคม บริการข้างต้นอยู่ภายใต้กรอบ ระยะเวลาฟื้นฟูไตร่ตรอง 30 วัน ซึ่งสามารถขยายระยะเวลาออกไปได้ตามความต้องการและความยินยอมของผู้เสียหาย ผู้เสียหายจะได้รับคำปรึกษาเพื่อช่วยให้พวกเขาสามารถตัดสินใจได้ว่าจะเข้าสู่กระบวนการยุติธรรมทางอาญาหรือไม่ หากผู้เสียหายไม่ประสงค์จะรับความช่วยเหลือ สถานคุ้มครองสวัสดิภาพผู้เสียหายจากการค้ามนุษย์ (สคม.) จะรายงานต่อกองต่อต้านการค้ามนุษย์เพื่อประสานส่งกลับภูมิลำเนา แต่หากผู้เสียหายประสงค์จะเข้าสู่กระบวนการทางกฎหมาย สถานคุ้มครองจะประสานงานกับเจ้าหน้าที่ตำรวจเพื่อดำเนินส่วนของการสืบสวนสอบสวนและให้ความคุ้มครองผู้เสียหาย โดยในกรณีที่ผู้เสียหายเป็นเด็ก กระบวนการต่าง ๆ จะเป็นไปตามหลักการในพระราชบัญญัติคุ้มครองเด็ก พ.ศ. 2546 และอนุสัญญาว่าด้วยสิทธิเด็ก
ตอกย้ำพันธกรณีสากลเพื่อการคุ้มครองที่ยั่งยืน กลไก NRM ถือเป็นการพัฒนาที่รัฐบาลไทยให้ความสำคัญอย่างยิ่ง โดยเป็นผลจากการทำงานร่วมมือร่วมใจกันระหว่างภาครัฐ ภาคเอกชน ภาคประชาสังคม และองค์กรระหว่างประเทศ กลไกนี้ได้รับการออกแบบมาเพื่อ สอดรับกับพันธกรณีที่ประเทศไทยจะต้องปฏิบัติตามพันธสัญญาต่าง ๆ ที่ได้ลงนามไว้กับองค์กรระหว่างประเทศ โดยเฉพาะอย่างยิ่งองค์การสหประชาชาติ ในเรื่องที่เกี่ยวข้องกับการป้องกันและปราบปรามการค้ามนุษย์ รวมทั้งการบังคับใช้แรงงาน มีวัตถุประสงค์หลักในการมุ่งเน้นไปที่การให้ความคุ้มครองแก่ผู้เสียหายเป็นอันดับแรก สร้างความไว้เนื้อเชื่อใจ และนำไปสู่ประสิทธิภาพในการดำเนินคดีกับผู้กระทำความผิด เพื่อให้ผู้เสียหายได้รับการคุ้มครองและมีการพัฒนาในการคุ้มครองช่วยเหลืออย่าง มั่นคงและยั่งยืน
อย่าลืม..กดติดตามช่อง FreeGen บน YouTube, Facebook, IG, X(Twitter) และ TikTok แชร์ต่อ เพื่อเผยแพร่ความรู้ที่อาจช่วยปกป้องคนที่คุณห่วงใยได้ และร่วมสร้างสังคมที่ปลอดภัยจากปัญหาการค้ามนุษย์
#FreeGen #การค้ามนุษย์ #ภัยออนไลน์ #ปกป้องตัวเอง #กฎหมายไทย #humantrafficking #stoptrafficking




















